เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมได้ไปเดินงาน BKK StartUp Job Fest ที่ C asean เป็นงานที่รวมพลเหล่าผู้ประกอบการธุรกิจ StartUp เกี่ยวกับเทคโนโลยี ซึ่งมีของสนุกๆให้เล่นมากมาย และยังได้รู้จักกับธุรกิจที่มาช่วยแก้ปัญหาต่างๆให้เรา เช่น Uber และ GrabTaxi ที่ช่วยให้เราไม่ต้องเสียเวลาหา Taxi แล้วดันไม่รับเราอีก หรือ StockRadars ที่ช่วยคิดกรองหุ้นที่เราสนใจมาให้ หรือ Ookbee ที่ทำให้เราซื้อหนังสือดีๆได้ผ่านแอพ และผมยังได้มีโอกาสเข้าไปฟังบรรยายซึ่งเกี่ยวกับประสบการณ์ของพี่ๆ เจ้าของ StartUp
ในการบรรยายที่พี่ๆหลายๆคนมานั่งเล่าถึงประสบการณ์ของแต่ละคน ซึ่งทุกๆคนเหมือนกันคือ ทุกคนเคยล้มเหลวกันมาทั้งนั้น ก่อนจะมาประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ เรียกว่าเรียน Fail ศาสตร์มานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งพี่ๆทุกๆคนบอกเหมือนกันคือ อย่าเริ่มที่การนั่งมองหรือคิดเฉยๆ แต่ให้เริ่มจาก Passion ว่าเราอยากจะเป็นสิ่งนั้น แล้วพยายามเพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย ศึกษา ลงมือทำ ล้มเหลว ลุกขึ้นมาทำใหม่ เปลี่ยนวิธีการ แต่อย่าเปลี่ยนเป้าหมาย
เรามักจะคิดว่าหนทางแห่งความสำเร็จคือ 1 ถึง 10 แล้วสำเร็จ เย้!!! มันไม่ใช่ ถ้าลองไปคุยหรือศึกษาประวัติของคนที่ประสบความสำเร็จจะเห็นว่า เขาล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วน อย่างเช่น ผู้สร้าง Angry Bird สร้างเกมแล้วเจ๊งมากว่า 54 เกมก่อนจะดัง หรือผู้พันแซนเดอส์ ผู้เป็นต้นกำเนิดตำนาน KFC กว่าเขาจะได้เริ่มตำนานอายุก็ปาเข้าไป 65 ปีแล้วซึ่งก่อนหน้านั้นเขาก็ล้มเหลวเละเทะมาก่อน แต่ไม่ยอมแพ้แม้ว่าอายุจะมากเท่าไหร่ ส่วนคนที่ผมชอบที่สุดคือ โทมัส อัลวา แอนเดอร์สัน ผู้คิดค้นหลอดไฟที่ทำให้เรามีแสงสว่างมาจนถึงทุกวันนี้ รู้ไหมครับว่ากว่าจะประดิษฐ์หลอดไฟสำเร็จเขาล้มเหลวไปกว่า 10,000 ครั้ง บุคคลเหล่านี้คือผู้ที่เรียนรู้จาก Fail ศาสตร์อย่างแท้จริง
ดังนั้นเราก็ควรศึกษา Fail ศาสตร์กันไว้นะครับ ทุกครั้งที่เราทำอะไรแล้วล้มเหลวให้หาว่าทำไมเราถึงล้มเหลว แล้วปรับปรุงเปลี่ยนวิธีการใหม่ และการศึกษาความล้มเหลวของคนที่เคยทำมาแล้วก็ช่วยลดเวลาของเราไปได้เยอะนะครับ
“อัจฉริยะ คือ แรงบันดาลใจ 1 เปอร์เซ็นต์และหยาดเหงื่ออีก 99 เปอร์เซ็นต์”
โทมัส อัลวา แอนเดอร์สัน